วัดขนาดห้อง และวางแผน

ก่อนจะตัดสินใจตกแต่งบ้าน เราควรต้องรู้ขนาดพื้นที่ทั้งหมดก่อน เพื่อเอาไว้เป็นข้อมูลในการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้าน นอกจากนี้ก็ควรจะวางแผนตกแต่งคร่าวๆ เอาไว้ในใจด้วย หรือจะออกแบบการตกแต่งที่คิดไว้ลงในกระดาษเป็นข้อมูลประกอบด้วยก็ดี เวลาเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์จะได้มองภาพโดยรวมออก และเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ได้เหมาะสมกับจำนวนคนในครอบครัว

คัดเฟอร์นิเจอร์ที่มีอยู่

หากการตกแต่งครั้งนี้เป็นการย้ายบ้านใหม่ หรือการปรับปรุงบ้าน ก็ควรต้องคัดเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่คุณมีอยู่ ว่าจะเก็บอันไหนเอาไว้ใช้ต่อ หรือเฟอร์นิเจอร์ชิ้นไหนที่ต้องโบกมือลา แล้วเอาไปบริจาคหรือขายเป็นของเก่า เพื่อเคลียร์พื้นที่ให้บ้านดูกว้างมากขึ้น หรือเพื่อให้เราซื้อเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหม่ที่ตกแต่งได้ลงตัวกว่ามาใช้แทน

เลือกสไตล์ให้เหมาะสม

สไตล์การตกแต่งบางครั้งก็ต้องดูปัจจัยอื่นประกอบ เช่น ถ้าเป็นครอบครัวใหญ่ที่มีสมาชิกวัยซนหลายคน ก็ไม่ควรตกแต่งสไตล์หรูหราที่ต้องใช้เฟอร์นิเจอร์ราคาแพง หรือเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องทะนุถนอมมากๆ เพราะเด็กๆ อาจจะเล่นกันไม่ระวังจนทำให้เฟอร์นิเจอร์เสียหายชำรุดได้ แต่ควรเลือกตกแต่งบ้านด้วยสไตล์สบายๆ ดูโปร่งตา ไม่เยอะเกินไป และของตกแต่งทุกชิ้นควรคุ้มค่าต่อการใช้งาน ไม่ใช่ตกแต่งเพื่อเอาไว้โชว์เพียงอย่างเดียว

ตกแต่งผนังด้วยสีอ่อน

ถ้าคุณมีแผนที่จะทาสีบ้านใหม่ทั้งหลัง หรือจะเปลี่ยนสีผนัง แนะนำให้เลือกใช้สีอ่อนๆ แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นสีขาว เพียงคุมโทนให้สีไม่เข้มหรือจัดจ้านเกินไปก็พอ และทาสีเพดานให้สว่างกว่าสีผนังด้วย เพราะเทคนิคการทาสีแบบนี้จะช่วยให้ห้องดูกว้างขวางขึ้น แต่ถ้ากลัวว่าบ้านจะจืดเกินไป ก็อาจจะแต่งผนังบางส่วน ขอบหน้าต่าง หรือเฟอร์นิเจอร์เป็นสีเข้มๆ จัดๆ ตามใจชอบ

แบ่งโซนห้องเป็นสัดส่วน

สำหรับครอบครัวใหญ่ที่มีสมาชิกอยู่เยอะ ควรจะจัดสรรห้องนั่งเล่นให้มีโซนทำกิจกรรมได้หลายๆ อย่าง เช่น มีโซนความบันเทิง โซนอ่านหนังสือ และโซนเด็กเล่น เพื่อให้ทุกคนในครอบครัวสามารถนั่งอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันได้ โดยที่ทำกิจกรรมตามชอบของแต่ละคนไป ซึ่งอาจจะใช้วิธีกั้นกำแพงครึ่งเดียว หรือหาฉากสวยๆ มากั้นห้องให้เป็นสัดส่วนแทน

ลงทุนซื้อเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่

ในเมื่อสมาชิกเยอะแบบนี้ก็ควรต้องลงทุนซื้อเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ คุณภาพดี ที่จะใช้ไปได้ยาวนานคุ้มค่า และที่สำคัญต้องเหมาะสมกับสไตล์การแต่งบ้านของคุณด้วย ซึ่งถ้าอยากได้เฟอร์นิเจอร์คุณภาพดี ราคาถูก แนะนำให้ไปซื้อตามงานมหกรรมเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านที่จะลดราคากันถ้วนหน้า หรือจะซื้อเฟอร์นิเจอร์มือสองจากร้านขายของมือสองก็ได้ แต่ต้องตาดีๆ เลือกของที่สภาพการใช้งานยังโอเคอยู่

ใช้เฟอร์นิเจอร์อเนกประสงค์

เรื่องพื้นที่เป็นสิ่งแรกๆ ที่ควรต้องนึกถึงในการแต่งบ้านสำหรับครอบครัวใหญ่ และคงจะดีไม่น้อยหากจะตกแต่งบ้านด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่มากกว่าหนึ่ง เช่น โซฟาปรับนอนหรือพับเก็บได้ หรือตู้โชว์ที่มีตู้เก็บของอยู่ด้านล่าง เป็นต้น เพราะเฟอร์นิเจอร์เหล่านี้จะช่วยให้คุณประหยัดพื้นที่ในบ้านไปอีกมากโข และทำให้บ้านไม่รกจนดูแคบ

ฉลาดซื้อให้คุ้ม

ครอบครัวใหญ่แบบนี้คงหมดเงินไปกับการซื้อเฟอร์นิเจอร์ และสารพัดข้าวของเครื่องใช้ไปมากอยู่พอสมควร ดังนั้นหากคุณมีเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหลักๆ ครบครันแล้ว แต่ยังขาดของตกแต่งกระจุกกระจิก เช่น โคมไฟ รูปภาพติดผนัง และของตกแต่งอื่นๆ แนะนำให้ไปหาซื้อของเหล่านี้จากร้านขายของมือสอง หรือแหล่งขายของแต่งบ้านราคาถูก ที่จะมีของตกแต่งบ้านคุณภาพดีราคาไม่สูงมากนักให้คุณได้เลือกสรร

ขอบคุณข้อมูลจาก https://home.kapook.com

แนวโน้มของราคาทอง

มั่นว่า ข้อตกลงตรึงกำลังการผลิตระหว่าง OPEC และ non-OPEC จะทำได้จริงและตรึงกำลังการผลิตได้จริง ถึงแม้จะมีการขยายระยะเวลาตรึงกำลังการผลิตออกไปถึงปีหน้าก็ตาม

ไปดูเหตุผลที่ตลาดไม่เชื่อ หนึ่งในนั้นก็เพราะ กำลังการผลิตนอกกลุ่ม OPEC ก็ยังเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในสหรัฐ จากตัวเลขแท่นขุดเจาะรายสัปดาห์ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แทบทุกสัปดาห์ตั้งแต่ย่างเข้าไป 2017 เป็นต้นมา รวมถึงการเดินกำลังการผลิต Shale Oil และ Shale Gas ที่สะท้อนว่า ต้นทุนการผลิตของเทคโนโลยีนี้ เข้ามาใกล้จุดที่สามารถแข่งขันกับผู้ผลิตน้ำดิบได้แล้วถ้ามองภาพใหญ่กว่านั้น ราคาน้ำมันก็โดนกดดันอยู่มาอย่างต่อเนื่องจากการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้พลังงานสะอาด หรือ Clean Energy โดยเทคโนโลยีที่จะมาเป็นคู่แข่งพลังงานน้ำมันจริงๆ ก็คือ Power Storage หรือ ตัวเก็บประจุไฟฟ้า นั้นเอง เพราะตัวเก็บประจุไฟฟ้า หรือ Power Storage จะทำให้การใช้พลังงานสะอาดมีเสถียรภาพมากขึ้น ยกตัวอย่าง ถ้าใช้พลังงานแสงอาทิตย์ แต่ไม่มีตัวเก็บประจุ ก็แปลว่า เราจะใช้ไฟฟ้าได้แค่ตอนช่วงกลางวันเท่านั้น ดังนั้น เทคโนโลยี Power Storage จึงถือว่ามีความสำคัญ และเป็นจุดเปลี่ยนอีกหนึ่งอย่างที่จะทำให้ต้นทุนการผลิตพลังงานสะอาดต่ำลงไปอีก และเข้าถึงคนจำนวนมากกว่าปัจจุบัน

สรุปทิศทางราคาน้ำมัน

ราคาน้ำมันถูกเทขายลงมาที่ ราวๆ 42-43 ดอลลาร์ กลางเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งประเด็นหลักๆ มาจากตลาดเริ่มไม่เชื่อมั่นว่า ข้อตกลงตรึงกำลังการผลิตระหว่าง OPEC และ non-OPEC จะทำได้จริงและตรึงกำลังการผลิตได้จริง ถึงแม้จะมีการขยายระยะเวลาตรึงกำลังการผลิตออกไปถึงปีหน้าก็ตาม